Home » มาตรฐานความปลอดภัย Lifeline ที่ควรรู้ (EN, ANSI, OSHA)

มาตรฐานความปลอดภัย Lifeline ที่ควรรู้ (EN, ANSI, OSHA)

by Kay Elliott
16 views
มาตรฐานความปลอดภัย Lifeline ที่ควรรู้ (EN, ANSI, OSHA)

1. บทนำ

Lifeline หรือ ระบบเชือกนิรภัย เป็นอุปกรณ์ที่ช่วยป้องกันการตกจากที่สูง โดยใช้เป็นจุดยึดให้กับอุปกรณ์กันตก เช่น คาราไบเนอร์ สายรัดตัว และอุปกรณ์หน่วงแรง Lifeline มีหลายประเภท เช่น แนวเชือกแนวตั้ง (Vertical Lifeline) และแนวเชือกแนวนอน (Horizontal Lifeline) ซึ่งการเลือกใช้งานต้องเป็นไปตามมาตรฐานความปลอดภัยที่กำหนดโดยองค์กรระดับสากล เช่น EN (European Norm), ANSI (American National Standards Institute) และ OSHA (Occupational Safety and Health Administration)

ในบทความนี้จะอธิบายเกี่ยวกับมาตรฐานความปลอดภัยของ Lifeline ที่สำคัญ ข้อกำหนดของแต่ละมาตรฐาน และวิธีตรวจสอบว่า Lifeline ของคุณเป็นไปตามข้อกำหนดหรือไม่

กฎหมายและมาตรฐานที่เกี่ยวข้องกับ Lifeline

2. กฎหมายและมาตรฐานที่เกี่ยวข้องกับ Lifeline

การใช้ Lifeline อย่างถูกต้องต้องอ้างอิงตามกฎหมายและมาตรฐานที่กำหนดโดยหน่วยงานต่าง ๆ เพื่อให้มั่นใจว่ามีความปลอดภัยเพียงพอและสามารถรองรับการทำงานในสภาพแวดล้อมที่มีความเสี่ยงสูงได้ มาตรฐานที่เกี่ยวข้องมีดังนี้:

  • EN 795 (European Standard) – กำหนดข้อกำหนดสำหรับอุปกรณ์ยึดเกี่ยวส่วนบุคคลสำหรับป้องกันการตกจากที่สูง
  • ANSI Z359 (American National Standards Institute) – ชุดมาตรฐานที่ครอบคลุมระบบป้องกันการตกของบุคคลในสหรัฐอเมริกา
  • OSHA 1910.140 (Occupational Safety and Health Administration, USA) – กำหนดข้อกำหนดด้านอุปกรณ์ป้องกันการตกในสถานที่ทำงานของสหรัฐอเมริกา

3. ข้อกำหนดของแต่ละมาตรฐานที่เกี่ยวข้องกับ Lifeline

3.1 มาตรฐาน EN 795

มาตรฐาน EN 795 เป็นมาตรฐานของยุโรปที่กำหนดข้อกำหนดสำหรับจุดยึดเกี่ยว (Anchorage Device) ซึ่งใช้ร่วมกับระบบป้องกันการตก แบ่งออกเป็น 5 ประเภท ได้แก่:

  • Type A – จุดยึดแบบตายตัว (เช่น โบลท์ หรือแองเคอร์แบบติดตั้งถาวร)
  • Type B – จุดยึดเคลื่อนที่ได้ (เช่น แท่นยึดชั่วคราว)
  • Type C – แนวเชือกนิรภัยแนวนอนแบบยืดหยุ่น (Horizontal Lifeline)
  • Type D – แนวเชือกนิรภัยแนวนอนแบบแข็ง (Rigid Horizontal Lifeline)
  • Type E – จุดยึดบนพื้น (Deadweight Anchors) ซึ่งใช้สำหรับพื้นราบ

มาตรฐาน EN 795 กำหนดให้ Lifeline ต้องสามารถรองรับแรงดึงได้ไม่น้อยกว่า 12 kN (1,200 kgf) และต้องผ่านการทดสอบแรงกระชากที่ความสูง 2.5 เมตร โดยอุปกรณ์ต้องไม่เสียหายหรือหลุดออกจากจุดยึด

3.2 มาตรฐาน ANSI Z359

ANSI Z359 เป็นชุดมาตรฐานด้านความปลอดภัยในการป้องกันการตกจากที่สูงของสหรัฐอเมริกา ประกอบด้วยหลายส่วน เช่น:

  • ANSI Z359.1 – มาตรฐานอุปกรณ์ป้องกันการตกและการทำงานที่สูง
  • ANSI Z359.6 – ข้อกำหนดเกี่ยวกับการออกแบบระบบป้องกันการตก
  • ANSI Z359.13 – ข้อกำหนดเกี่ยวกับเชือกกันตกและอุปกรณ์หน่วงแรง

สำหรับ Lifeline ตามมาตรฐาน ANSI Z359 ต้องสามารถรองรับแรงตกกระแทกได้ไม่น้อยกว่า 22.2 kN (2,268 kgf) และมีระบบลดแรงดึงที่ไม่ให้แรงกระแทกเกิน 8 kN (816 kgf) เพื่อป้องกันอันตรายต่อตัวผู้ใช้งาน

3.3 มาตรฐาน OSHA 1910.140

OSHA เป็นหน่วยงานด้านความปลอดภัยของสหรัฐอเมริกาที่กำหนดกฎหมายเกี่ยวกับอุปกรณ์กันตก โดยมาตรฐาน OSHA 1910.140 มีข้อกำหนดสำคัญเกี่ยวกับ Lifeline ได้แก่:

  • Lifeline ต้องสามารถรองรับแรงตกกระแทกได้ไม่น้อยกว่า 22.2 kN
  • สายรัดนิรภัย (Harness) ต้องสามารถรองรับน้ำหนักได้ไม่น้อยกว่า 5,000 ปอนด์ (22.2 kN)
  • แนวเชือกนิรภัยต้องมีความยืดหยุ่นและสามารถลดแรงตกกระแทกได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  • ต้องมีการตรวจสอบสภาพอุปกรณ์ Lifeline เป็นระยะตามที่กำหนด

วิธีตรวจสอบว่า Lifeline ของคุณผ่านมาตรฐานหรือไม่

4. วิธีตรวจสอบว่า Lifeline ของคุณผ่านมาตรฐานหรือไม่

4.1 ตรวจสอบป้ายกำกับและใบรับรอง

Lifeline ที่ผ่านมาตรฐานจะต้องมีเอกสารและป้ายกำกับที่ระบุ:

  • ชื่อผู้ผลิต
  • รุ่นและหมายเลขผลิตภัณฑ์
  • มาตรฐานที่ได้รับการรับรอง (EN 795, ANSI Z359, OSHA 1910.140)
  • วันที่ผลิตและวันหมดอายุ

4.2 ตรวจสอบความแข็งแรงและโครงสร้างของอุปกรณ์

  • ตรวจสอบวัสดุของเชือกนิรภัยว่าไม่มีรอยฉีกขาดหรือเสื่อมสภาพ
  • ตรวจสอบอุปกรณ์ยึดเกี่ยว เช่น คาราไบเนอร์ แองเคอร์ และจุดยึด ว่ายังอยู่ในสภาพดี
  • ตรวจสอบจุดต่อและตะขอเกี่ยวว่ามีการล็อกที่ปลอดภัยหรือไม่

4.3 ทดสอบการรองรับแรงดึง

สามารถทดสอบ Lifeline โดยใช้เครื่องทดสอบแรงดึง (Dynamic Load Testing) ตามข้อกำหนดของมาตรฐาน:

  • ทดสอบแรงดึงไม่น้อยกว่า 12 kN สำหรับ EN 795
  • ทดสอบแรงดึงไม่น้อยกว่า 22.2 kN สำหรับ ANSI Z359 และ OSHA 1910.140

4.4 ตรวจสอบอุปกรณ์ก่อนใช้งานทุกครั้ง

  • ตรวจสอบจุดเชื่อมต่อและอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้อง
  • ตรวจสอบว่ามีสัญลักษณ์มาตรฐานบน Lifeline หรือไม่
  • ตรวจสอบว่าสายเชือกหรืออุปกรณ์มีการใช้งานผิดประเภทหรือไม่

4.5 บำรุงรักษาและเปลี่ยน Lifeline ตามรอบเวลา

  • เปลี่ยน Lifeline ตามอายุการใช้งานที่ผู้ผลิตแนะนำ
  • หากพบความเสียหายหรือเสื่อมสภาพ ควรเปลี่ยนใหม่ทันที
  • หลีกเลี่ยงการเก็บ Lifeline ในที่ที่มีความชื้นสูงหรืออุณหภูมิที่เปลี่ยนแปลงบ่อย

5. สรุป

Lifeline เป็นอุปกรณ์สำคัญในการป้องกันการตกจากที่สูง ซึ่งต้องเป็นไปตามมาตรฐาน EN 795, ANSI Z359 และ OSHA 1910.140 เพื่อความปลอดภัยในการทำงาน ก่อนใช้งานควรตรวจสอบเอกสารรับรอง ตรวจสอบโครงสร้างอุปกรณ์ และทดสอบความแข็งแรงของ Lifeline เป็นระยะ นอกจากนี้ การบำรุงรักษาอุปกรณ์ให้คงอยู่ในสภาพที่ดีจะช่วยยืดอายุการใช้งานและลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุ

แหล่งอ้างอิง

  1. European Standard EN 795:2012 – Personal fall protection equipment
  2. ANSI Z359.1-2021 – American National Standard Safety Requirements for Personal Fall Arrest Systems
  3. OSHA 1910.140 – Personal Fall Protection Systems (Occupational Safety and Health Administration)
  4. International Powered Access Federation (IPAF) – Guidelines on fall protection systems
  5. Manufacturer specifications from Petzl, 3M, and Honeywell on Lifeline systems

 

เรื่องที่เกี่ยวข้อง

เพิ่มความเข้าใจเกี่ยวกับความปลอดภัยในการทำงานผ่านเว็บไซต์ Foxtucker เว็บบทความ ที่เต็มไปด้วยเคล็ดลับดีๆ และข้อมูลที่มีคุณภาพ

ติดต่อ

Copyright @2025  All Right Reserved – Designed and Developed by foxtucker