1. บทนำ
Lifeline หรือ ระบบเชือกนิรภัย เป็นอุปกรณ์ที่ช่วยป้องกันการตกจากที่สูง โดยใช้เป็นจุดยึดให้กับอุปกรณ์กันตก เช่น คาราไบเนอร์ สายรัดตัว และอุปกรณ์หน่วงแรง Lifeline มีหลายประเภท เช่น แนวเชือกแนวตั้ง (Vertical Lifeline) และแนวเชือกแนวนอน (Horizontal Lifeline) ซึ่งการเลือกใช้งานต้องเป็นไปตามมาตรฐานความปลอดภัยที่กำหนดโดยองค์กรระดับสากล เช่น EN (European Norm), ANSI (American National Standards Institute) และ OSHA (Occupational Safety and Health Administration)
ในบทความนี้จะอธิบายเกี่ยวกับมาตรฐานความปลอดภัยของ Lifeline ที่สำคัญ ข้อกำหนดของแต่ละมาตรฐาน และวิธีตรวจสอบว่า Lifeline ของคุณเป็นไปตามข้อกำหนดหรือไม่
2. กฎหมายและมาตรฐานที่เกี่ยวข้องกับ Lifeline
การใช้ Lifeline อย่างถูกต้องต้องอ้างอิงตามกฎหมายและมาตรฐานที่กำหนดโดยหน่วยงานต่าง ๆ เพื่อให้มั่นใจว่ามีความปลอดภัยเพียงพอและสามารถรองรับการทำงานในสภาพแวดล้อมที่มีความเสี่ยงสูงได้ มาตรฐานที่เกี่ยวข้องมีดังนี้:
- EN 795 (European Standard) – กำหนดข้อกำหนดสำหรับอุปกรณ์ยึดเกี่ยวส่วนบุคคลสำหรับป้องกันการตกจากที่สูง
- ANSI Z359 (American National Standards Institute) – ชุดมาตรฐานที่ครอบคลุมระบบป้องกันการตกของบุคคลในสหรัฐอเมริกา
- OSHA 1910.140 (Occupational Safety and Health Administration, USA) – กำหนดข้อกำหนดด้านอุปกรณ์ป้องกันการตกในสถานที่ทำงานของสหรัฐอเมริกา
3. ข้อกำหนดของแต่ละมาตรฐานที่เกี่ยวข้องกับ Lifeline
3.1 มาตรฐาน EN 795
มาตรฐาน EN 795 เป็นมาตรฐานของยุโรปที่กำหนดข้อกำหนดสำหรับจุดยึดเกี่ยว (Anchorage Device) ซึ่งใช้ร่วมกับระบบป้องกันการตก แบ่งออกเป็น 5 ประเภท ได้แก่:
- Type A – จุดยึดแบบตายตัว (เช่น โบลท์ หรือแองเคอร์แบบติดตั้งถาวร)
- Type B – จุดยึดเคลื่อนที่ได้ (เช่น แท่นยึดชั่วคราว)
- Type C – แนวเชือกนิรภัยแนวนอนแบบยืดหยุ่น (Horizontal Lifeline)
- Type D – แนวเชือกนิรภัยแนวนอนแบบแข็ง (Rigid Horizontal Lifeline)
- Type E – จุดยึดบนพื้น (Deadweight Anchors) ซึ่งใช้สำหรับพื้นราบ
มาตรฐาน EN 795 กำหนดให้ Lifeline ต้องสามารถรองรับแรงดึงได้ไม่น้อยกว่า 12 kN (1,200 kgf) และต้องผ่านการทดสอบแรงกระชากที่ความสูง 2.5 เมตร โดยอุปกรณ์ต้องไม่เสียหายหรือหลุดออกจากจุดยึด
3.2 มาตรฐาน ANSI Z359
ANSI Z359 เป็นชุดมาตรฐานด้านความปลอดภัยในการป้องกันการตกจากที่สูงของสหรัฐอเมริกา ประกอบด้วยหลายส่วน เช่น:
- ANSI Z359.1 – มาตรฐานอุปกรณ์ป้องกันการตกและการทำงานที่สูง
- ANSI Z359.6 – ข้อกำหนดเกี่ยวกับการออกแบบระบบป้องกันการตก
- ANSI Z359.13 – ข้อกำหนดเกี่ยวกับเชือกกันตกและอุปกรณ์หน่วงแรง
สำหรับ Lifeline ตามมาตรฐาน ANSI Z359 ต้องสามารถรองรับแรงตกกระแทกได้ไม่น้อยกว่า 22.2 kN (2,268 kgf) และมีระบบลดแรงดึงที่ไม่ให้แรงกระแทกเกิน 8 kN (816 kgf) เพื่อป้องกันอันตรายต่อตัวผู้ใช้งาน
3.3 มาตรฐาน OSHA 1910.140
OSHA เป็นหน่วยงานด้านความปลอดภัยของสหรัฐอเมริกาที่กำหนดกฎหมายเกี่ยวกับอุปกรณ์กันตก โดยมาตรฐาน OSHA 1910.140 มีข้อกำหนดสำคัญเกี่ยวกับ Lifeline ได้แก่:
- Lifeline ต้องสามารถรองรับแรงตกกระแทกได้ไม่น้อยกว่า 22.2 kN
- สายรัดนิรภัย (Harness) ต้องสามารถรองรับน้ำหนักได้ไม่น้อยกว่า 5,000 ปอนด์ (22.2 kN)
- แนวเชือกนิรภัยต้องมีความยืดหยุ่นและสามารถลดแรงตกกระแทกได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- ต้องมีการตรวจสอบสภาพอุปกรณ์ Lifeline เป็นระยะตามที่กำหนด
4. วิธีตรวจสอบว่า Lifeline ของคุณผ่านมาตรฐานหรือไม่
4.1 ตรวจสอบป้ายกำกับและใบรับรอง
Lifeline ที่ผ่านมาตรฐานจะต้องมีเอกสารและป้ายกำกับที่ระบุ:
- ชื่อผู้ผลิต
- รุ่นและหมายเลขผลิตภัณฑ์
- มาตรฐานที่ได้รับการรับรอง (EN 795, ANSI Z359, OSHA 1910.140)
- วันที่ผลิตและวันหมดอายุ
4.2 ตรวจสอบความแข็งแรงและโครงสร้างของอุปกรณ์
- ตรวจสอบวัสดุของเชือกนิรภัยว่าไม่มีรอยฉีกขาดหรือเสื่อมสภาพ
- ตรวจสอบอุปกรณ์ยึดเกี่ยว เช่น คาราไบเนอร์ แองเคอร์ และจุดยึด ว่ายังอยู่ในสภาพดี
- ตรวจสอบจุดต่อและตะขอเกี่ยวว่ามีการล็อกที่ปลอดภัยหรือไม่
4.3 ทดสอบการรองรับแรงดึง
สามารถทดสอบ Lifeline โดยใช้เครื่องทดสอบแรงดึง (Dynamic Load Testing) ตามข้อกำหนดของมาตรฐาน:
- ทดสอบแรงดึงไม่น้อยกว่า 12 kN สำหรับ EN 795
- ทดสอบแรงดึงไม่น้อยกว่า 22.2 kN สำหรับ ANSI Z359 และ OSHA 1910.140
4.4 ตรวจสอบอุปกรณ์ก่อนใช้งานทุกครั้ง
- ตรวจสอบจุดเชื่อมต่อและอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้อง
- ตรวจสอบว่ามีสัญลักษณ์มาตรฐานบน Lifeline หรือไม่
- ตรวจสอบว่าสายเชือกหรืออุปกรณ์มีการใช้งานผิดประเภทหรือไม่
4.5 บำรุงรักษาและเปลี่ยน Lifeline ตามรอบเวลา
- เปลี่ยน Lifeline ตามอายุการใช้งานที่ผู้ผลิตแนะนำ
- หากพบความเสียหายหรือเสื่อมสภาพ ควรเปลี่ยนใหม่ทันที
- หลีกเลี่ยงการเก็บ Lifeline ในที่ที่มีความชื้นสูงหรืออุณหภูมิที่เปลี่ยนแปลงบ่อย
5. สรุป
Lifeline เป็นอุปกรณ์สำคัญในการป้องกันการตกจากที่สูง ซึ่งต้องเป็นไปตามมาตรฐาน EN 795, ANSI Z359 และ OSHA 1910.140 เพื่อความปลอดภัยในการทำงาน ก่อนใช้งานควรตรวจสอบเอกสารรับรอง ตรวจสอบโครงสร้างอุปกรณ์ และทดสอบความแข็งแรงของ Lifeline เป็นระยะ นอกจากนี้ การบำรุงรักษาอุปกรณ์ให้คงอยู่ในสภาพที่ดีจะช่วยยืดอายุการใช้งานและลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุ
แหล่งอ้างอิง
- European Standard EN 795:2012 – Personal fall protection equipment
- ANSI Z359.1-2021 – American National Standard Safety Requirements for Personal Fall Arrest Systems
- OSHA 1910.140 – Personal Fall Protection Systems (Occupational Safety and Health Administration)
- International Powered Access Federation (IPAF) – Guidelines on fall protection systems
- Manufacturer specifications from Petzl, 3M, and Honeywell on Lifeline systems