องค์การอนามัยโลก WHO
องค์การอนามัยโลก (WHO) เป็นองค์กรชำนาญพิเศษของสหประชาชาติ ซึ่งรับผิดชอบการประสานงานด้านสาธารณสุขระหว่างประเทศ ก่อตั้งเมื่อ 7 เมษายน ค.ศ. 1948 ประกอบด้วยสมาชิก 131 ประเทศ (ธันวาคม 2511)
องค์การนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อที่จะคุ้มครองและส่งเสริมสุขภาพอนามัยของประชาชนทั่วโลก มีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่นครเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์
องค์กรอนามัยโลกมีบทบาทเป็นหน่วยงานระหว่างประเทศที่ทำหน้าที่ดูแลและคอยประสานงานด้านการสาธารณสุขเพื่อคุ้มครองและส่งเสริมสุขภาพอนามัยของประชาชนทั้งโลกมี 4 หน้าที่หลัก คือ
1. อำนวยความช่วยเหลือแก่ประเทศต่างๆตามความต้องการเมื่อได้ร้องขอมา
2. จัดให้บริการด้านสุขภาพอนามัยแก่ประเทศต่างๆทั่วโลก
3. ส่งเสริมและประสานงานด้านการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ระหว่างชาติเกี่ยวกับปัญหาสุขภาพต่างๆอันไม่อาจดำเนินไปได้โดยลำพังของแต่ละประเทศ
4. ทำหน้าที่แก้ปัญหาโรคที่ยังไม่สามารถรักษาได้ เช่น ซาร์ส ไข้หวัดนก และล่าสุดคือโควิด-19
ทั้งนี้ ความมุ่งหมายดั้งเดิมของการร่วมมือกันนี้ก็เพื่อช่วยกันหยุดยั้งการระบาดของโรคต่างๆแต่ในปัจจุบันได้ขยายความร่วมมือออกไปอีกโดยยกระดับเรื่องสุขภาพอนามัยทุกแห่งบนโลกและส่งเสริมความก้าวหน้าในด้านสาธารณสุขด้วยการศึกษาวิจัยและแลกเปลี่ยนความรู้ต่างๆ อันเกี่ยวกับการคุ้มครองส่งเสริมสุขภาพอนามัยของประชาชน และที่สำคัญงานขององค์การอนามัยโลกดำเนินการภายใต้นโยบายและการปกครองของสมัชชาอนามัยโลกที่ประกอบไปด้วยผู้แทนของประเทศสมาชิก และเพื่อเป็นการกระจายการปฏิบัติงานขององค์การให้ทั่วถึงส่วนต่างๆ ของโลก สมัชชาอนามัยโลกในการประชุมสมัยที่ 1 ได้มีมติกำหนดพื้นที่การดำเนินงานออกเป็น 6 ภูมิภาค คือ
1. ภูมิภาคอเมริกา มีสำนักงานอยู่ณกรุงวอชิงตันดีซี
2. ภูมิภาคเมดิเตอร์เรเนียนตะวันออก มีสำนักงานอยู่ ณ เมืองอเล็กซานเดรีย
3. ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มีสำนักงานอยู่ที่ณกรุงนิวเดลี
4. ภูมิภาคแอฟริกามีสำนักงานอยู่ณเมืองบราซาวีล
5. ภูมิภาคแปซิฟิกตะวันตกมีสำนักงานอยู่ณกรุงมะนิลา
6. ภูมิภาคยุโรปมีสำนักงานอยู่ณกรุงโคเปเฮเกน
สำหรับประเทศไทย อยู่ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งมีสมาชิกอยู่ทั้งหมด 11 ประเทศ คือ ประเทศบังคลาเทศ ประเทศพม่า ประเทศอินเดีย ประเทศอินโดนีเซีย ประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตย ประชาชนเกาหลี ประเทศสาธารณรัฐมัลดีฟส์ ประเทศมองโกเลีย ประเทศเนปาล ประเทศศรีลังกา ประเทศภูฏาน และประเทศไทย
WHO ยังให้ความสำคัญด้านอาชีวอนามัยและความปลอดภัยในการทำงาน อีกด้วย
สิทธิ หน้าที่ และความรับผิดชอบของบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข และสิ่งสำคัญที่ควรพิจารณาด้านอาชีวอนามัยและความปลอดภัยในการทำงาน ในช่วงที่มีการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19)
- รับผิดชอบในภาพรวม โดยจัดให้มีมาตรการในการป้องกันคุ้มครองเจ้าหน้าที่เพื่อลดความเสี่ยงทางสุขภาพตามหลักอาชีวอนามัยและความปลอดภัยในการทำงาน
- ให้ความรู้ จัดฝึกอบรมด้านอาชีวอนามัยและความปลอดภัยในการทำงานให้แก่บุคคล ประกอบไปด้วย
- การอบรมเพื่อทบทวนเรื่องการควบคุมและป้องกันการติดเชื้อ (IPC) และ
- การอบรมเรื่องสวมใส่ การถอด และกำจัดอุปกรณ์ป้องกันอันตรายส่วนบุคคล (PPE)
- จัดเตรียมอุปกรณ์ควบคุมและป้องกันการติดเชื้อ (IPC) และ อุปกรณ์ป้องกันอันตรายส่วนบุคคล (PPE) ให้เพียงพอ เช่น หน้ากาก ถุงมือ แว่นตาสำหรับป้องกัน เสื้อคลุม เจลทำความสะอาดมือ สบู่และน้ำสะอาด และอุปกรณ์ทำความสะอาดต่างๆ ให้มีปริมาณที่เพียงพอสำหรับบุคลากรด้านการแพทย์และสาธารณสุข หรือผู้ปฏิบัติงานอื่นๆ ที่ให้การดูแลผู้ป่วยสงสัยหรือผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อ COVID-19 โดยบุคคลดังกล่าว ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆ บนพื้นฐานข้อกำหนดด้านอาชีวอนามัยและความปลอดภัยในการทำงาน
- จัดให้มีมาตรการรักษาความปลอดภัยส่วนบุคคลที่เหมาะสมตามความจำเป็น
- จัดให้มีสภาพแวดล้อมที่ปลอดจากการกล่าวโทษสำหรับบุคลากร เพื่อให้สามารถรายงานเหตุการณ์ต่างๆ ได้ เช่น หากมีการสัมผัสเลือดหรือสารคัดหลั่งจากระบบทางเดินหายใจ หรือกรณีที่เกิดความรุนแรงระหว่างปฏิบัติ พร้อมทั้งให้มีการติดตามรวมถึงการช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบ โดยเร่งด่วน
- แนะนำให้บุคลากรประเมินตนเอง รวมทั้งรายงานอาการเจ็บป่วยและจำกัดตัวเองอยู่ที่บ้านเมื่อมีอาการเจ็บป่วย
- จัดสรรระยะเวลาทำงานให้มีความเหมาะสม และควรมีการหยุดพักในระหว่างเวลางาน
- ปรึกษาหารือกับผู้ปฏิบัติงานด้านการแพทย์และสาธารณสุขในประเด็นของอาชีวอนามัยและความปลอดภัยในการทำงานของบุคลากร และรายงานต่อพนักงานตรวจความปลอดภัยแรงงาน ในกรณีที่พบโรคจากการทำงาน
- ไม่ควรกลับไปปฏิบัติงานในงานในสถานที่ทำงานที่ยังอยู่ในสถานการณ์ที่อันตรายอย่างมากต่อชีวิตหรือสุขภาพ จนกว่านายจ้างจะมีการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นได้แล้ว
- อนุญาตให้บุคลากรมีสิทธิที่จะออกจากสถานที่ทำงานที่มีแนวโน้มที่จะเป็นอันตรายต่อสุขภาพและชีวิตอย่างรุนแรง นอกจากบุคลากรควรได้รับการปกป้องจากผลกระทบที่ไม่เป็นธรรมตาม มาจากการใช้สิทธินั้น
- หากมีการติดเชื้อ COVID-19 ที่เกิดจากการสัมผัสปัจจัยเสี่ยงในที่ทำงาน ผู้ปฏิบัติงานมีสิทธิที่ได้รับการชดเชย การฟื้นฟูเยียวยาและการได้รับการรักษา ทั้งนี้จะพิจารณาการได้รับความสี่ยงจากการทำงานซึ่งมีผลทำให้เกิดความเจ็บป่วย ให้เป็นกาฬโรคที่เกิดจากการทำงาน
- จัดให้มีการเข้าถึงบริการรักษาและคำปรึกษาด้านสุขภาพจิต
- เปิดโอกาสให้มีการประสานความร่วมมือระหว่างผู้บริหารและเจ้าหน้าที่ และ/หรือตัวแทนของบุคลากร
ทุกท่านเห็นแล้วใช่หรือไม่ ว่าทุกประเทศได้ให้ความสำคัญกับระบบสาธารณสุขกับประชาชนภายในประเทศของตน จึงทำให้องค์กรนี้ได้มีการดำเนินงานที่สำคัญออกมามากมาย เพื่อให้คำแนะนำที่เกี่ยวกับมาตรการเพื่อปกป้องสุขภาพของประชาชน และป้องกันการแพร่กระจายของการระบาดได้อย่างทันท่วงที
หมายเหตุ : หากต้องการคัดลอกหรือนำข้อมูลของเราไปเผยแพร่โปรดติดลิ้งค์กลับมาหน้านี้เพื่อให้เครดิตกับเรา
บทความและหลักสูตรที่น่าสนใจ
- โรค COVID-19 คืออะไร
- มีเสียงดังเกิน 85 dB A
- ANSI คืออะไร
- OSHA คืออะไร
- ขั้นตอนการตรวจสอบ และ การเตรียมตัวก่อนตรวจปั้นจั่น ปจ.1 ปจ.2
- กฎหมายปั้นจั่น ที่ผู้รับเหมาและผู้ปฏิบัติงานต้องรู้ มีอะไรบ้าง