การศึกษาวิจัยของ Ronald E Milliman ซึ่งตีพิมพ์ใน “Environment and Behavior“ แสดงให้เห็นว่า จังหวะของดนตรีพื้นหลังในร้านอาหารสามารถมีอิทธิพลต่อพฤติกรรมของลูกค้า แม้จะเล็กน้อยแต่ก็มีนัยสำคัญ
การวิจัยนี้ไม่เพียงแต่เน้นถึงผลกระทบของจังหวะดนตรีต่อระยะเวลารับประทานอาหารและพฤติกรรมการใช้จ่าย แต่ยังให้ความกระจ่างเกี่ยวกับรากฐานทางจิตวิทยาที่ขับเคลื่อนพฤติกรรมเหล่านี้ ซึ่งถือว่ามีประโยชน์อย่างมากสำหรับเจ้าของร้านอาหารมือใหม่ที่กำลังจะเปิดร้าน และกำลังมองหาวิธีการเพิ่มประสิทธิภาพ เพิ่มกำไรของร้านอาหารโดยเฉพาะร้านอาหารที่มีเครื่องเสียงร้านอาหารอยู่แล้ว
ดังนั้นในวันนี้เราไปรู้จักกับผลกระทบของจังหวะเพลงต่อการทานอาหารกันเลยดีกว่า
เพลงจังหวะช้า ชิวๆ แต่เพิ่มยอดขายได้จริง (BPM <72)
การศึกษาพบว่าเมื่อร้านอาหารเปิดเพลงด้วยจังหวะช้ากว่า 72 ครั้งต่อนาที ลูกค้ามักจะอยู่โต๊ะนานขึ้น ทำให้มีโอกาสที่จะสั่งอาหารเพิ่มขึ้น กินช้าลง แต่อาจจะอิ่มง่ายขึ้น ทำให้การสั่งอาหารครั้งต่อไปมักจะเป็นของหวาน หรือของที่เบากว่า
ข้อสังเกตที่สำคัญ คือ ยิ่งลูกค้าอยู่นานเท่าไรก็ยิ่งใช้จ่ายมากขึ้น โดยเฉพาะสินค้าที่มีกำไรสูง เช่น เครื่องดื่มและขนมหวาน ซึ่งการที่ลูกค้าสั่งเยอะขึ้นแบบนี้ไม่ใช่แค่เรื่องของกำไรเท่านั้น แต่ยังทำให้ร้านมีภาพลักษณ์ที่ดีขึ้นเนื่องจากลูกค้านั่งเต็มโต๊ะ ทำให้ลูกค้าที่ผ่านมาเห็นตัดสินใจเลือกร้านของคุณมากขึ้นนั่นเอง
อย่างไรก็ตาม จากงานวิจัยพบว่า สิ่งที่สำคัญของการเปิดเพลงช้าคือการทำให้ลูกค้าใช้เวลาในการนั่งที่ร้านนานขึ้นมากกว่าที่จะเพิ่มยอดขาย เนื่องจากการเพิ่มยอดขายนั้นควรใช้ปัจจัยอื่นที่มีประสิทธิผลมากกว่าการเปิดเพลง เช่น การปรับปรุงบรรยากาศร้าน หรือการปรับปรุงรสชาติ
ผลกระทบของเพลงจังหวะเร็ว (BPM >94 )
ในทางกลับกัน เมื่อจังหวะของเพลงเพิ่มขึ้นมากกว่า 94 ครั้งต่อนาที (BPM) ก็พบว่าระยะเวลาที่ลูกค้าใช้ในการรับประทานอาหารลดลงอย่างเห็นได้ชัด การรับประทานอาหารที่เร็วขึ้นนี้เป็นประโยชน์อย่างยิ่งในช่วงชั่วโมงเร่งด่วน ช่วยให้มีการหมุนเวียนโต๊ะมากขึ้นและรองรับลูกค้าได้มากขึ้น
ที่น่าสนใจก็ คือ แม้ว่าจะใช้เวลาอยู่ที่โต๊ะลดลง แต่การจ่ายเงินด้านอาหารโดยรวมยังคงค่อนข้างคงที่ การค้นพบนี้บ่งชี้ว่าแม้ว่าลูกค้าจะรับประทานอาหารได้เร็วขึ้น แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะกินน้อยลง พวกเขายังคงซื้ออาหารมื้อใหญ่แต่กินไวขึ้น และไม่นั่งแช่
จังหวะที่เร็วขึ้นจะสร้างบรรยากาศที่กระฉับกระเฉงและมีชีวิตชีวามากขึ้น โดยส่งสัญญาณให้ลูกค้ารับประทานอาหารเร็วขึ้นโดยไม่รู้ตัว แต่ก็ไม่รู้สึกเหมือนโดนเร่งรีบ การเปิดเพลงเร็วจึงเหมาะอย่างมากสำหรับร้านอาหารบุฟเฟต์ ร้านฟาสฟูด หรือร้านอาหารที่มีคิวเยอะ
ผลของงานวิจัยเพิ่มเติม
- ผลกระทบต่อกลุ่มลูกค้า : การวิเคราะห์เพิ่มเติมเผยให้เห็นว่ากลุ่มประชากรที่แตกต่างกันตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงจังหวะเพลงที่แตกต่างกัน ตัวอย่างเช่น ผู้ที่มารับประทานอาหารอายุน้อยอาจตอบสนองต่อจังหวะที่แตกต่างกันออกไปเมื่อเทียบกับลูกค้าที่มีอายุมากกว่า ดังนั้นการเลือกเพลงจึงต้องคำนึงถึงกลุ่มเป้าหมายของร้านอาหารด้วย
- อิทธิพลต่อพนักงานและการบริการ : การวิจัยนี้ยังค้นพบอีกด้วยว่า จังหวะดนตรีไม่เพียงแต่ส่งผลกระทบต่อลูกค้าเท่าไหร่ แต่ยังส่งผลต่อพนักงานในร้านอีกด้วย เพลงที่เร็วขึ้นอาจเพิ่มพลังให้กับพนักงาน และอาจเพิ่มประสิทธิภาพ แต่ก็อาจนำไปสู่ระดับความเครียดที่เพิ่มขึ้นในช่วงเวลาที่มีลูกค้าเยอะ
- พฤติกรรมลูกค้าระยะยาว : อีกแง่มุมที่ต้องพิจารณาคือผลกระทบระยะยาวของจังหวะดนตรีที่มีต่อ brand loyalty และความพึงพอใจของลูกค้า แม้ว่าผลกระทบที่เกิดขึ้นในทันทีต่อพฤติกรรมจะชัดเจน แต่ยังไม่มีผลในการสร้างฐานลูกค้าประจำ หรือทำให้ลูกค้ากลับมาทานซ้ำ
สุดท้ายนี้ การเลือกจังหวะของเพลงและแนวเพลงก็ถือเป็นสิ่งสำคัญมากๆ สำหรับร้านอาหาร อย่างไรก็ตาม อย่าลืมให้ความสำคัญกับ เครื่องเสียงร้านอาหาร เพื่อให้มั่นใจว่าลูกค้าได้จะได้ฟังเพลงในเสียงที่ดีและชัดเจนที่สุด
บทความที่น่าสนใจ :
-
- ผลกระทบของระยะห่างของไมโครโฟนต่อคุณภาพเสียง
- แนะนำวิธีการเลือกไมโครโฟนสำหรับการแสดงดนตรีสดในร้านอาหาร
- พื้นฐานการวางเครื่องเสียงร้านอาหาร ทุกสิ่งที่คุณต้องรู้
- ร้านไอเดียโปรโมชั่นอาหารที่น่าสนใจในปี 2024
- รู้จักกับ Karafun หนึ่งในซอฟแวร์คาราโอเกะที่คุณควรลอง
- พื้นฐานการวางเครื่องเสียงร้านอาหาร ทุกสิ่งที่คุณต้องรู้