ที่อับอากาศคืออะไร
“ที่อับอากาศ” (Confined Space) หมายความว่า ที่ซึ่งมีทางเข้าออกจำกัดและไม่ได้ออกแบบไว้สำหรับเป็นสถานที่ทำงานอย่างต่อเนื่องเป็นประจำ และมีสภาพอันตรายหรือมีบรรยากาศอันตราย เช่น อุโมงค์ ถ้ำ บ่อ หลุม ห้องใต้ดิน ห้องนิรภัย ถังน้ำมัน ถังหมัก ถัง ไซโล ท่อ เตา ภาชนะหรือสิ่งอื่นที่มีลักษณะคล้ายกัน
อันตรายจากการทำงานในที่อับอากาศ : การรู้จักและการป้องกันสภาพอันตราย
คำว่า “สภาพอันตราย” หมายถึง สภาพหรือสภาวะที่อาจก่อให้เกิดความเสี่ยงและอันตรายต่อความปลอดภัยของผู้ทำงาน ในที่นี้เราจะพูดถึงสภาวะที่เกิดขึ้นในสภาวะอับอากาศที่อาจเป็นอันตรายต่อคนทำงานต่อไปนี้
- วัตถุหรือวัสดุที่อาจก่อให้เกิดการจมลงหรือถมทับ : การทำงานในพื้นที่อับอากาศอาจมีสิ่งของหรือวัสดุที่อาจทำให้ลูกจ้างตกลงไปในพื้นหรือถูกทับตัว
- สภาพที่อาจทำให้ลูกจ้างตก ถูกกัก หรือติดอยู่ภายใน : การทำงานในพื้นที่อับอากาศอาจเกิดความเสี่ยงที่ลูกจ้างจะตกหรือถูกกักตัวในพื้นที่นั้น ซึ่งอาจส่งผลให้เกิดอันตรายต่อชีวิตและร่างกาย
- สภาวะที่ลูกจ้างมีความเสี่ยงจากบรรยากาศอันตราย : บรรยากาศที่อับอากาศอาจมีก๊าซออกซิเจนต่ำกว่าร้อยละ 19.5 หรือมากกว่าร้อยละ 23.5 ที่อาจทำให้เกิดภาวะขาดอากาศหายใจ
- สภาพอื่นที่เป็นอันตรายต่อร่างกายหรือชีวิต : สภาวะอื่นที่เป็นอันตรายอาจเกิดขึ้นในสภาวะอับอากาศ เช่น การสะสมของก๊าซพิซซาโลนที่เป็นพิษสูง หรือก๊าซไข่เน่าที่สะสมอยู่ใต้พื้นที่ที่ผู้ทำงานลงไป
บรรยากาศอันตราย
คำว่า “บรรยากาศอันตราย” หมายถึง สภาวะอากาศที่อาจทำให้เกิดความเสี่ยงและอันตรายต่อความปลอดภัยของผู้ทำงาน ซึ่งสามารถเกิดขึ้นได้ดังนี้
- ออกซิเจนต่ำกว่าร้อยละ 19.5 หรือมากกว่าร้อยละ 23.5 : การมีค่าของออกซิเจนในอากาศที่น้อยกว่าระดับปกติหรือมากกว่าระดับปกติอาจทำให้เกิดภาวะขาดอากาศหายใจ
- ก๊าซ ไอ หรือละอองที่มีความเสี่ยงในการติดไฟหรือระเบิด : ก๊าซหรือละอองที่เกิดจากการปฏิบัติงานอาจมีความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับการระเบิดหรือการเกิดไฟ ที่อาจเกิดความเสี่ยงต่อคนทำงาน
- ฝุ่นที่ติดไฟหรือระเบิดได้ : ฝุ่นที่มีความเสี่ยงในการระเบิดหรือระเบิดได้เมื่อเกิดการชนกัน การทำงานในบรรยากาศที่มีฝุ่นเสี่ยงในการระเบิดเพิ่มความเสี่ยงต่อคนทำงาน
- ความเข้มข้นของสารเคมีเกินมาตรฐาน : การทำงานในสภาวะอับอากาศที่มีความเข้มข้นของสารเคมีเกินมาตรฐานที่กำหนดอาจทำให้เกิดความเสี่ยงต่อคนทำงาน
สุดท้ายนี้ เพื่อประโยชน์และความปลอดภัยของคนทำงาน ควรที่จะมีการรับรู้และคำนึงถึงความอันตรายจากการทำงานในสภาวะอับอากาศ และปฏิบัติตามมาตรการความปลอดภัยอย่างเคร่งครัด หากมีข้อสงสัยหรือคำถามเกี่ยวกับการทำงานในสภาวะอับอากาศ ควรติดต่อผู้ควบคุมงานหรือผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยเพื่อขอคำปรึกษาและข้อมูลเพิ่มเติม
การอบรมความปลอดภัยในการทำงานในที่อับอากาศ : คนที่ควรรับการอบรม
การปฏิบัติงานในสภาวะอับอากาศเป็นเรื่องที่อยู่ในระดับความเสี่ยงสูง และในการรักษาความปลอดภัยสำหรับคนที่เกี่ยวข้องกับงานในที่อับอากาศ การอบรมเกี่ยวกับความปลอดภัยเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างยิ่ง ผู้ที่ควรรับการอบรมที่อับอากาศ ได้แก่
- ผู้อนุญาตและผู้ควบคุมงาน : ผู้ที่มีความรับผิดชอบในการดูแลและควบคุมการทำงานในสภาวะอับอากาศ จำเป็นต้องมีความเข้าใจและรับรู้เกี่ยวกับมาตรการความปลอดภัย
- ผู้ช่วยเหลือหรือผู้เฝ้าระวัง : บุคคลที่มีหน้าที่เฝ้าระวังและให้ความช่วยเหลือในกรณีเกิดอุบัติเหตุในสภาวะอับอากาศ จำเป็นต้องรู้จักและปฏิบัติตามมาตรการเพื่อความปลอดภัยของตนเองและผู้อื่น
- ผู้ปฏิบัติงานในที่อับอากาศ : คนที่ต้องปฏิบัติงานในสภาวะอับอากาศ จำเป็นต้องมีความรู้และเข้าใจถึงมาตรการปลอดภัยในการทำงานในสภาวะอับอากาศ และปฏิบัติตามมาตรการอย่างเคร่งครัด
- เจ้าหน้าที่ความปลอดภัยในการทำงาน : บุคคลที่มีความรับผิดชอบในการควบคุมและดูแลความปลอดภัยในสภาวะอับอากาศ ควรมีความรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับการจัดการความปลอดภัยในสภาวะนี้
- ผู้ที่มีความสนใจ : บุคคลที่ไม่ได้ปฏิบัติงานโดยตรงในสภาวะอับอากาศ แต่มีความสนใจในเรื่องความปลอดภัยในการทำงาน สามารถรับการอบรมและเรียนรู้เพื่อความรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในสภาวะนี้
อย่างไรก็ตาม ความเข้าใจและการปฏิบัติตามมาตรการความปลอดภัยเป็นสิ่งสำคัญที่มีผลต่อความปลอดภัยของผู้ทำงานทั้งหมดในสภาวะอับอากาศ ความเข้าใจและการรับรู้เกี่ยวกับความอันตรายในสภาวะนี้ จึงจำเป็นต่อการป้องกันอันตรายและความปลอดภัยในการทำงานในที่อับอากาศ
อันตรายในการทำงานในที่อับอากาศ
การปฏิบัติงานในสภาวะอับอากาศเป็นเรื่องที่มีความเสี่ยงสูงและเกิดความอันตรายได้ง่าย หากไม่มีมาตรการป้องกันที่เพียงพอและเหมาะสม อาจเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดและอันตรายได้ ดังนั้น การปฏิบัติงานในสภาวะอับอากาศจำเป็นต้องมีมาตรการความปลอดภัยที่เข้มงวดและถูกต้องเพื่อความปลอดภัยของผู้ทำงานทุกคน นี่คือบางสิ่งที่ควรมี
- ระบบอนุญาตทำงานในที่อับอากาศ : การทำงานในสภาวะอับอากาศควรมีระบบอนุญาตทำงานที่มีการควบคุมและการอนุมัติให้เป็นไปตามมาตรฐานความปลอดภัย
- การประเมินและควบคุมสภาพอันตราย : ก่อนที่จะเริ่มทำงานในสภาวะอับอากาศ ควรมีการประเมินสภาพอันตรายเพื่อตรวจสอบว่ามีการควบคุมและมาตรการความปลอดภัยที่เพียงพอ ถ้าพบสภาวะอันตราย ต้องดำเนินการแก้ไขก่อนที่จะทำงาน
- ตรวจวัดและประเมินสภาพอากาศ : การตรวจวัดและประเมินสภาพอากาศในสภาวะอับอากาศเป็นสิ่งสำคัญ โดยควรทำการตรวจวัดก่อนเริ่มงานและเมื่อทำงาน และถ้าพบสภาวะอากาศที่อันตราย ต้องดำเนินการปรับปรุงความปลอดภัย
- การปฏิบัติตามมาตรการ : ในกรณีที่สภาวะอับอากาศมีความเสี่ยง การทำงานจะถูกห้ามในบริเวณนั้น และคนที่เข้าไปทำงานจะต้องสวมใส่อุปกรณ์คุ้มครองตามมาตรการเพื่อความปลอดภัย
- การอบรมความปลอดภัย : ผู้ที่มีหน้าที่ทำงานในสภาวะอับอากาศจำเป็นต้องผ่านการอบรมความปลอดภัยในการทำงานในสภาวะนี้ เพื่อรับความรู้และเข้าใจวิธีการทำงานอย่างปลอดภัย
- แผนช่วยเหลือฉุกเฉิน : การทำงานในสภาวะอับอากาศควรมีแผนฉุกเฉินที่ช่วยในกรณีที่เกิดเหตุการณ์ฉุกเฉิน ที่มีความเสี่ยงเพิ่มขึ้น
การทำงานในสภาวะอับอากาศต้องปฏิบัติตามมาตรการความปลอดภัยอย่างเคร่งครัด โดยผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับงานในสภาวะนี้จะต้องรับการฝึกอบรมและรับรู้การปฏิบัติตามมาตรการเพื่อความปลอดภัยของทุกคนในสถานที่ทำงานนั่นเอง
ซึ่งที่กล่าวมาเป็นเพียงบางส่วนเท่านั้นหากอยากรู้รายละเอียดเพิ่มเติมสามารถศึกษาได้จาก“กฎกระทรวง กำหนดมาตรฐานในการบริหาร จัดการ และดำเนินการด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงานเกี่ยวกับที่อับอากาศ พ.ศ. 2562”
สรุป
หากเราเป็นบุคคลหนึ่งที่ต้องเกี่ยวข้องกับงานในที่อับอากาศเราจึงมีความจำเป็นต้องมีความรู้เนื่องจากงานอับอากาศนั้นมีข้อกำหนดที่ซับซ้อนเพราะเป็นงานที่มีอันตรายมากจึงจำเป็นต้องมีความรู้ความเข้าใจอย่างถูกต้องเพราะหากผิดพลาดขึ้นมานั่นอาจหมายถึงชีวิตและการอบรมก็ต้องตรวจสอบหน่วยงานที่รับอบรมด้วยว่าขึ้นทะเบียนถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่
บทความที่น่าสนใจ :
- กฎหมายปั้นจั่น ที่ผู้รับเหมาและผู้ปฏิบัติงานต้องรู้ มีอะไรบ้าง
- Anchor point คืออะไร?
- รู้จักกับมาตรฐาน ความปลอดภัย อาชีวอนามัยและสภาพแวดล้อมในการทํางาน
- รวมองค์กรด้านสุขภาพ และความปลอดภัยในที่ทำงานทั่วโลก
- การตรวจสอบความปลอดภัยประจำวัน มีประโยชน์อย่างไร
- เข็มขัดเครื่องมือช่างประเภทต่างๆ
- องค์การอนามัยโลก (WHO) เป็นองค์กรชำนาญพิเศษของสหประชาชาติ